ไปงานศพคือการไปพัฒนาปัญญา ... ต.บ้านโสก จิตอาสา

นายหนูน้อย   คนดีของสังคม

ช่วยงานศพเป็นเรื่องธรรมะ

โรงงานเครื่องดื่ม 50-50 ฟิฟตี้-ฟิฟตี้ โดย บ.นครปฐมเครื่องดืม จำกัด

ฟิฟตี้-ฟิฟตี้ 50-50 ฟิฟตี้-2000 บ.นครปฐมเครื่องดื่ม จำกัด

 

ฟิฟตี้-ฟิฟตี้ 50-50 เครื่องดื่มชูกำลัง ของดีของคนไทยไปต่างชาติ ของดีของ จ.นครปฐม

 


 








 

[แก้] ส่วนประกอบของเครื่องดื่มชูกำลัง

ของดีคนทำงาน เครื่องดื่ม คนทำงาน น่าสนใจ ของใหม่ที่คนไทยรู้จักมานาน  50-50 ฟิฟตี้-2000  บ.นครปฐมเครื่องดื่ม จำกัด

 

[แก้] ประโยชน์ของเครื่องดื่มชูกำลัง

นักวิจัยกล่าวว่า เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลังมีส่วนผสมของทอรีน ซึ่งสามารถลดอาการเมาค้าง ลดคลอเลสเตอรอล แต่ก็มีบางรายอ้างสรรพคุณว่า ช่วยส่งกระแสความรู้สึกให้ไวขึ้น ซึ่งคล้ายกับสารในนมแม่ ทำให้เครื่องดื่มของเด็กบางยี่ห้อได้ไส่สารนี้เข้าไป และยังมีสารอาหารประเภทวิตามินอีกหลายแบบ เช่น วิตามินบี6 ซึ่งช่วยช่วยบรรเทาการคลื่นไส้อาเจียน และ ช่วยร่างกายสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและแร่ธาตุแมกนีเซียม และวิตามินบี12 ที่มีคุณสมบัติช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังบางยี่ห้อที่มีราคาสูงจะมีส่วนผสมของสารกลูคูโรโนแลกโตน ซึ่งเป็นสารประกอบอีกชนิดหนึ่งของเครื่องดื่มชูกำลังช่วยทำให้ทุเลาอาการเหนื่อย ช่วยบำรุงข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย [27]

[แก้] ผลกระทบของเครื่องดื่มชูกำลัง

[แก้] ด้านสุขภาพ

นักวิชาการหลายท่านออกมากล่าวว่า โทษของเครื่องดื่มชูกำลังส่งผลกระทบร้ายแรงในด้านจิตใจ เช่น กระสับกระส่าย มือเท้าสั่น โดยเฉพาะในเด็ก ในกรณีดื่มเครื่องดื่มชูกำลังร่วมกับสุรา จะทำให้เพิ่มอาการเมาเป็น 2 เท่า ส่วนอาจารย์จูเลีย เชสเตอร์ อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า คนส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่อของสุรา แต่คนเหล่านั้นก็ยังพยายามก็จะต่อสู้จากการโฆษณาสุรา ทำให้เป็นที่มาของการโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังในท้องตลาด สำหรับในสถานศึกษาก็เริ่มมี "เหล้าชูกำลัง" เนื่องจากนักศึกษาบางคนต้องการดื่มสุรา แม้ว่าจะผิดกฎหมายก็ตาม โดยเครื่องดื่มชูกำลังที่ผสมกับสุรานั้น มีอันตรายมากกว่าอาการเมาค้าง ถึงแม้จะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมก็ตาม ด้านแทมมี่ ลูว์ ผู้ช่วยผู้สนับสนุนสุขภาพ ของสำนักงานสุขภาพนักเรียน กล่าวว่า เครื่องดื่มชนิดนี้เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะไม่รู้สึกอ่อนล้าหรือเพลีย แต่จะเป็นอันตรายต่อเยาวชน เนื่องจากเยาวชนจะเข้าใจผิดว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ดื่มแล้วจะไม่เป็นอันตราย อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ เกิดอาการขาดน้ำ เนื่องจากฤทธิ์ของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ผสมกัน (ส่วนใหญ่คนจะเข้าใจผิดว่าการผสมเครื่องดื่ม 2 ชนิดเข้าด้วยกันจะช่วยแก้อาการเมาค้างได้) แต่ในการทดลองนำยากระตุ้นประสาทผสมกับยากดประสาท ปรากฏว่าไม่เกิดอาการเมาค้างแต่อย่างใด[28] สำหรับผลการวิจัยจากประเทศออสเตรเลียก็ระบุว่า การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต สำหรับคนที่มีอาการเครียด มีความดันโลหิตสูง หรือมีระบบการทำงานของระบบหลอดเลือดบกพร่อง สามารถทำให้เป็นโรคหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตัน ได้ ทำให้มีนักวิชาการหลายท่านแนะนำว่าไม่ควรดื่มเครื่องดื่มชูกำลังวันละ 2 ขวด



ไปงานศพคือการไปพัฒนาปัญญา
                                                                    รุ่งรัศมี  ศรีวงศ์พันธ์
                                                                             นักวิชาการสาธารณสุข  7 

                        สำหรับคนโดยทั่วไปแล้ว   มักมอง “ความตาย ว่าเป็นเรื่องอัปมงคลอย่างยิ่ง  หากไม่จำเป็นแล้วจะไม่กล่าวถึงโดยเด็ดขาด  นี่คือท่าทีต่อความตายของคนโดยทั่วไป  ...เป็นท่าทีต่อความตายในเชิงลบ....   และเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงต่อความตาย    ท่าทีต่อความตายเช่นนี้  นับว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา  เพราะพระพุทธองค์ทรงแนะนำให้พุทธศาสนิกชน  มีท่าทีต่อความตายในเชิงบวก  สอนให้ตระหนักรู้ว่า  การเรียนรู้เรื่องความตายนั้นเป็นศิริมงคลแห่งชีวิต   ดังคำที่ว่า
ในบรรดารอยเท้าทั้งหมด    รอยเท้าช้าง ยิ่งใหญ่ที่สุด 
ในบรรดาการฝึกสติทั้งหมด     มรณาสติ นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุด
                การตระหนักรู้เรื่องความตายเป็นผลดีต่อการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะ การรับมือกับความตายอย่างมีสติ  เป็นเรื่องที่ชาวพุทธควรได้ฝึกฝน และเรียนรู้ให้รู้ทันความเป็นธรรมดาของชีวิตนี้   การเรียนเรื่องความตายนี้ เป็นหลักสูตรที่มนุษย์ทั้งโลก (ไม่เฉพาะชาวพุทธเท่านั้น) จำเป็นต้องเรียน  ไม่เรียนไม่ได้   คนไทยมีนิสัยชอบเรียน  เรียนทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความตาย ไม่อยากเรียน  ไปงานศพจึงไม่ค่อยได้อะไรกลับมา  อย่างดีก็แค่นั่งฟังพระสวด  ทานข้าวต้ม  เอาพวงหรีดไปร่วมแสดงความไว้อาลัยกับเจ้าภาพ  พูดคุยนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ลากลับ  ไม่ได้อะไร     บางคนคิดว่า ความตาย  เป็นเรื่องที่ไกลตัว  ยังมาไม่ถึง  ไม่ใช่เราหรอก (...อีกนาน...)  ความคิดเช่นนี้  ทำให้เราประมาท ...รอเวลา....  รอวัน...  รอวัย.....   ทำให้ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ  หรือสะสมความดีไว้ในปัจจุบันขณะ   
          หากไปงานศพ    ลองพิจารณาให้ดี      จะเห็นว่างานศพเต็มไปด้วยธรรมะ   เป็นการพิจารณาสังขาร เกิดมรณะสติ  เห็นสัจจะจากความเป็นจริงที่ว่า  ชีวิต...เป็นอย่างนี้หนอ....โดยพิจารณาจาก
           *  การทุบหม้อน้ำ  ขณะที่เอาศพลงจากบ้าน  เป็นการทุบขันธ์ 5  (ร่างกาย  ความรู้สึก  ความทรงจำ  ความคิด   และการรับรู้ ) บอกถึงความจริงที่ว่า ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง  วันหนึ่งจะต้องแตกดับ
          * จูงศพออกจากบ้านมีการจุดประทัดสนั่นลั่นปฐพี  บางคนอธิบายว่าที่จุดประทัดก็เพื่อบอกคนตายว่า ....ออกจากบ้านแล้วนะ อย่ากลับมาอยู่ที่นี่อีกเลย...  แต่ความหมายในทางธรรมที่แท้จริงของการจุดประทัดยามจูงศพออกจากบ้านคือ ชีวิตคนก็เหมือนประทัด  เดี๋ยวก็แตกดับ  เหลือแต่ฝุ่นฝอย  ไม่เหลือแก่นสารอะไร  ชีวิตคือความว่างเปล่า (สุญญตา)  จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในชีวิตจนงมงาย  ปล่อยไม่ลง  ปลงไม่เป็น
                *    อนิจจัง  วะตะ   สังขารา   รูปร่างสังขารทั้งหลายไม่เที่ยงเช่นนี้เอง  มีความเกิด ความแตกดับเป็นธรรมดา            เป็นบทที่พระสงฆ์ใช้บริกรรมยามพิจารณาศพหรือพิจารณาผ้าบังสุกุล  เป็นการกล่าวถึงหัวใจของพระพุทธศาสนา  ที่สอนในเรื่องการเกิดดับ  แต่เรามักไปพิจารณาเนื้อผ้าบังสุกุล     จึงได้มาแต่ผ้า  ไม่เห็นว่าวันหนึ่งตัวเองก็จะต้องตาย   ไม่เข้าใจความแตกดับอันเป็นธรรมดาของสังขารซึ่งแสดงตนอย่างเปิดเผยอยู่ตรงหน้า

จะเห็นว่า งานศพ  หรือพิธีกรรมในงานศพนั้น    เต็มไปด้วยธรรมะที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตอยู่ตลอดเวลา หากมองให้ดี  เวลาไปงานศพ  เราจะได้ปัญญา  ได้ความเข้าใจสัจธรรมของชีวิตกลับไปบ้านด้วย  นับเป็นความตายที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่ยังอยู่    ถือเป็นการได้ทำหน้าที่ของคนตายเป็นครั้งสุดท้าย  และเป็นครั้งที่สำคัญ.............

ความคิดเห็น